MWWellness ปวดหลังส่วนล่าง อย่าละเลย! นี่ไม่ใช่แค่ปวดเมื่อยธรรมดา

ศูนย์ดูแลสุขภาพ และล้างพิษครบวงจร ปวดหลังส่วนล่าง อย่าละเลย! นี่ไม่ใช่แค่ปวดเมื่อยธรรมดา

MWWellness อาการปวดหลังส่วนล่างที่หลาย ๆ คนเป็น อาจไม่ใช่แค่อาการปวดจากการนั่งผิดท่าเท่านั้น แต่เป็นสัญญาณบอกโรคบางอย่างได้

ปวดหลังส่วนล่าง อย่าละเลย! นี่ไม่ใช่แค่ปวดเมื่อยธรรมดา

ปวดหลังส่วนล่าง อย่าละเลย! นี่ไม่ใช่แค่ปวดเมื่อยธรรมดา


การนั่งทำงานนาน ๆ อยู่ในท่าเดิม ๆ อาจทำให้มีอาการปวดหลังส่วนล่างกันบ้าง ทว่าหากอาการนี้เป็นเรื้อรังและทำท่าจะทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่ควรวางใจหรือทำเฉย ๆ ไป เพราะอาการปวดหลังส่วนล่างอาจเป็นลางของหลายโรค ดังนั้นมาเช็กกันเลยดีกว่าว่าอาการปวดหลังของเราหนักแค่ไหน หรือมีความเสี่ยงโรคอะไรอยู่หรือเปล่า

 

ปวดหลังส่วนล่าง อาการเป็นยังไง

อาการปวดหลังส่วนล่าง มีชื่อภาษาอังกฤษ คือ Low back pain เป็นอาการปวดหลังในตำแหน่งชายโครง ก้นกบ รวมไปถึงส่วนล่างของแก้มก้น โดยจะรู้สึกปวดในส่วนของกล้ามเนื้อ หมอนรองกระดูกสันหลัง และข้อต่อกระดูกสันหลัง และหากเป็นมาก ๆ อาการปวดอาจร้าวลงขา ลามไปน่อง จนกระทบกับการใช้ชีวิตตามปกติได้ ทั้งนี้ อาการปวดหลังแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ

 

- ปวดหลังเฉียบพลัน คือ อาการปวดหลังที่เป็นตั้งแต่ 2-3 วัน ไปจนถึง 2-3 สัปดาห์

- ปวดหลังเรื้อรัง คือ อาการปวดหลังที่นานกว่า 12 สัปดาห์ หรือ 3 เดือนขึ้นไป

 

ปวดหลังส่วนล่าง สาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง

 

อาการปวดหลังส่วนล่างเกิดได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้

สาเหตุจากพฤติกรรม

- อ้วนเกินไป น้ำหนักเกิน ทำให้กระดูกต้องรับน้ำหนักมาก

- การนั่ง ยืน ผิดท่าเป็นเวลานาน ๆ

- นอนหรือนั่งอยู่ในท่าเดิมซ้ำ ๆ

- การทำงานที่ต้องอยู่ในท่าก้มตลอดเวลา หรือติดต่อกันนาน ๆ 

- ไม่ออกกำลังกาย ไม่ค่อยได้ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ

- การออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาบางชนิดที่ต้องเอี้ยวตัวเป็นเวลานาน เช่น ตีกอลฟ์ เทนนิส โบว์ลิ่ง

- การเคลื่อนไหวที่มีการสั่นสะเทือนตลอดเวลา เช่น นั่งในรถที่ขับไปบนทางขรุขระเป็นเวลานาน ๆ เป็นต้น

- การใช้งานร่างกายอย่างหักโหมเกินไป โดยเฉพาะส่วนเอวและหลัง ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ได้ง่าย

 

สาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

- อาการปวดหลังส่วนล่างผู้หญิงบางคนเกิดในช่วงก่อนประจำเดือนมา 1-2 วัน หรือขณะที่มีประจำเดือน หลังจากนั้นอาการจะหายไปเอง

- ตั้งครรภ์ ต้องแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากน้ำหนักของทารกในครรภ์

- เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้บาดเจ็บบริเวณหลังส่วนล่าง หรือเอวเป็นต้นไป

 

สาเหตุจากโรคที่ซ่อนอยู่

           อาการปวดหลังส่วนล่างยังเป็นสัญญาณของโรคต่าง ๆ เช่

 

โรคเอ็นและกล้ามเนื้อหลังอักเสบ (Acute back strain)

ทำให้มีอาการหลังแข็ง แอ่นตัวไม่ค่อยได้ หากกดที่กล้ามเนื้อรอบ ๆ กระดูกสันหลังจะรู้สึกเจ็บ แต่ไม่มีอาการปวดหลังร้าวลงขา และส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ ยกเว้นกรณีที่หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือมีกระดูกแตกหักจากอุบัติเหตุ

โรคที่เกี่ยวข้องกับหมอนรองกระดูก

เมื่ออายุมากขึ้นก็จะเสี่ยงเพิ่มขึ้น หรือมักเกิดฉับพลันหลังยกของหนัก ยกของผิดท่า หรือในกรณีที่หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท มักจะมีอาการชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดหลังเรื้อรังร้าวลงขา มีอาการเสียวแปล๊บที่น่อง ที่เท้าร่วมด้วย และจะมีอาการปวดหลังเป็น ๆ หาย ๆ เป็นเวลานานมากกว่า 2 สัปดาห์

โรคกระดูกพรุน

มักพบในผู้สูงอายุโดยเฉพาะเพศหญิง สาเหตุเกิดจากการสูญเสียมวลกระดูกเป็นเวลานาน เนื่องจากขาดสารอาหารอย่างแคลเซียม วิตามินดี และขาดการออกกำลังกาย ทำให้กระดูกบางลงจนยุบตัวลง นำไปสู่อาการปวดหลัง และถ้าไม่รีบรักษาอาจส่งผลถึงขั้นกระดูกหักได้เลย

โรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ (Spinal stenosis)

เกิดจากความเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลังและข้อกระดูก ทำให้เกิดพังผืดขึ้นหนา หรือมีส่วนที่งอกไปกดเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดหลังร้าวไปที่ก้น ปวดเอว น่องชายิบ ๆ เหมือนมดไต่เมื่อยืนนาน ๆ หรือเดินไกล แต่พักสักครู่อาการก็จะดีขึ้น โดยโรคนี้จะเริ่มค่อยเป็นค่อยไป และอาจกินเวลาเป็นปี

กระดูกสันหลังคด (Abnormal spine curvatures)

โรคนี้มักจะตรวจพบตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น โดยจะมาด้วยอาการปวดหลังส่วนล่าง ลำตัวคดเบี้ยวผิดรูป ทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณแนวกระดูกสันหลัง

โรคไต

ไตเป็นอวัยวะที่อยู่บริเวณช่วงหลังด้านล่าง ดังนั้นผู้ป่วยโรคไตจึงรู้สึกปวดหลังส่วนล่าง บั้นเอว บริเวณชายโครง ร้าวไปถึงท้องน้อย หัวหน่าว และอวัยวะเพศได้ โดยเฉพาะหากมีภาวะไตอักเสบ มีการอุดกั้นที่ท่อไต แต่ทั้งนี้ก็ควรสังเกตอาการโรคไตอื่น ๆ ร่วมด้วย

โรคนิ่วในไต

ซึ่งอาจมีอาการปวดหลังส่วนล่าง และส่วนมากจะปวดข้างเดียว

ซีสต์ในรังไข่ (Ovarian Cysts)

ถุงน้ำในรังไข่มีหลายรูปแบบ และสาว ๆ ที่มีภาวะนี้ก็มักจะมีภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ พุงป่อง ท้องโต ปวดประจำเดือน ปวดหน่วง ๆ ที่ท้องน้อย ท้องอืด คลำเจอก้อนที่หน้าท้อง ปวดหลังส่วนล่างและปวดต้นขา รวมไปถึงมีอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งควรต้องรีบรักษานะคะ เพราะหากถุงน้ำแตกก็เสี่ยงเสียชีวิตได้เลย

โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

โรคที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปอยู่นอกมดลูก ซึ่งอาจกดทับกระเพาะปัสสาวะ หรือไต ทำให้มีอาการปวดหน่วง ๆ ที่ท้องน้อย ปวดประจำเดือนมาก และเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของอาการปวดหลังส่วนล่างในผู้หญิง

โรคมะเร็ง

โดยเฉพาะมะเร็งกระดูกสันหลัง และมะเร็งส่วนอื่น ๆ ที่กระจายมาที่กระดูกสันหลัง

โควิดสายพันธุ์โอมิครอน

อาการโควิดสายพันธุ์โอมิครอนมีความแตกต่างจากโควิด 19 สายพันธุ์อื่นเล็กน้อย และหนึ่งในนั้นคืออาการปวดหลังส่วนล่าง ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยบางราย อย่างไรก็ตามต้องสังเกตอาการบ่งชี้โควิดอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น เจ็บคอ น้ำมูกไหล จาม อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เหงื่อออกมากตอนกลางคืน และอาจทำให้เหงื่อออกชุ่มเสื้อผ้า แม้จะเปิดแอร์นอนก็ตาม หากมีอาการดังที่กล่าวมา ควรตรวจ ATK หรือ RT-PCR เพื่อดูว่าติดโควิดแล้วหรือไม่

 

นอกจากนี้อาการปวดหลังส่วนล่างยังอาจเป็นสัญญาณของโรคดังต่อไปนี้

- กระดูกหรือข้อต่ออักเสบ 

- ไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia) อาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง

- โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดยึดติด (Spondylitis)

- โรคกระดูกสันหลังเสื่อม

- โรคกระดูกสันหลังติดเชื้อ

- โรคการอักเสบบริเวณต่าง ๆ ที่ไม่ใช่การติดเชื้อ

 

ปวดหลังส่วนล่าง ใครเสี่ยงบ้าง

กลุ่มคนที่ค่อนข้างเสี่ยงจะมีอาการปวดหลังส่วนล่าง ได้แก่

- ผู้สูงอายุ

- ผู้มีน้ำหนักเกิน หรืออ้วน

- ผู้ที่มีกรรมพันธุ์ที่ทำให้มีความผิดปกติของกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ

- ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย

- ผู้ป่วยโรคจิตเวช เพราะความเครียดส่งผลให้ประสาทส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผิดปกติได้ 

- ผู้ที่สูบบุหรี่ เนื่องจากสารพิษในบุหรี่จะขัดขวางการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนที่ไปเลี้ยงหมอนรองกระดูก ทำให้เกิดความเสื่อมเร็วขึ้น

- เด็กนักเรียนที่แบกเป้หรือสะพายกระเป๋าหนัก ๆ เป็นเวลานาน

- ผู้มีอาชีพที่ต้องนั่งนาน ๆ หรือยืนท่าเดิมนาน ๆ เช่น พนักงานออฟฟิศ พนักงานเก็บเงินตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เป็นต้น

- ผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์โอมิครอน (บางรายอาจมีอาการ)

 

ปวดหลังส่วนล่าง รักษายังไง

การรักษาอาการปวดหลังส่วนล่าง นอกจากรักษาตามอาการป่วยแล้ว ยังสามารถบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่าง ตามนี้

- นอนพัก 2-3 วัน ลดการเคลื่อนไหวร่างกายที่อาจกระทบกระเทือนหลังส่วนล่าง

- ให้ความรู้เกี่ยวกับการเดิน การนั่ง ท่ายกของที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่างได้

- รักษาด้วยยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ เป็นต้น

- การนวด 

- การประคบร้อน หรือประคบเย็น

- ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เช่น ฝึกโยคะ

- ทำกายภาพบำบัด 

- การจัดกระดูก

- การฝังเข็ม การครอบแก้ว ตามแบบฉบับแพทย์แผนจีน

- รักษาด้วยการผ่าตัดจุดที่เป็นสาเหตุของปัญหา ในกรณีที่กระทบต่อเส้นประสาท หมอนรองกระดูก หรือกระดูกสันหลัง ซึ่งมีผลต่อการเคลื่อนไหวของร่างกาย

 

ปวดหลังส่วนล่าง ป้องกันได้ไหม

          วิธีป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่าง สามารถทำได้โดย

- ออกกำลังกายเป็นประจำ

- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่อ้วนจนเกินไป

- นั่งและยืนในท่าที่ถูกต้อง โดยเฉพาะหากต้องนั่งทำงานนาน ๆ ควรจัดหาโต๊ะ เก้าอี้ที่ช่วยให้นั่งสบาย ไม่เสี่ยงนั่งผิดท่า หรือต้องก้มเป็นเวลานาน ๆ

- พยายามเปลี่ยนท่าบ่อย ๆ 

- หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง ควรเลือกใส่รองเท้าที่เดินสบาย เช่น รองเท้าส้นเตี้ย

- นอนให้ถูกท่า 

- พยายามอย่ายกหรือแบกของหนัก ๆ ถ้าต้องยกของ อย่าก้มตัวลงไป แต่ให้งอเข่า หลังตรง แล้วใช้แรงขาดันตัวขึ้นมา

- งดสูบบุหรี่

 

อย่างไรก็ตาม  หากมีอาการปวดหลังส่วนล่างเป็นเวลานานก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการปวดที่แท้จริง เพราะไม่ว่าความป่วยใด ๆ ก็ตาม หากพบเจอตั้งแต่ระยะแรก ๆ ก็มีโอกาสและทางเลือกในการรักษาให้หายเป็นปกติได้มากขึ้น

 

 

MW Wellness มีโปรแกรมดูแลรักษาอาการปวด เช่นนวดกดจุดแก้อาการ นวดออฟฟิศซินโดรม และกายภาพบำบัด

สามารถปรึกษาได้ ฟรี! และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line: @mw-wellness

Tel: 096-081-2533, 02-276-5093


NEWS

สมัครรับข่าวสารต่างๆ

phone line chat_facebook