MWWellness ปัจจัยเสี่ยงป่วย “นิ่วในไต”

ศูนย์ดูแลสุขภาพ และล้างพิษครบวงจร ปัจจัยเสี่ยงป่วย “นิ่วในไต”

MWWellness รู้ปัจจัยเสี่ยงป่วย “นิ่วในไต” เกิดจากอะไร ? มีอาการแบบนี้อันตรายไหม นี่อาจเป็นภัยเงียบที่นำโรคไตมาสู่คุณ !!

ปัจจัยเสี่ยงป่วย “นิ่วในไต”

ปัจจัยเสี่ยงป่วย “นิ่วในไต”


รู้ปัจจัยเสี่ยงป่วย “นิ่วในไต” เกิดจากอะไร ?

มีอาการแบบนี้อันตรายไหม นี่อาจเป็นภัยเงียบที่นำโรคไตมาสู่คุณ !!

ปวดท้อง ปวดหลัง อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ของหลายโรค หนึ่งในนั้นก็คือ "นิ่วในไต" ที่ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดหลังบริเวณบั้นเอว และอาจปวดอย่างรุนแรง ทานยาแก้ปวดก็ไม่บรรเทา หากใครมีอาการเช่นนี้ อยากให้รีบเช็กตัวเองตามข้อมูลข้างล่าง หากเข้าข่ายควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้ละเอียด เพราะโรคนิ่วในไตอาจนำไปสู่โรคไตที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลย

 

นิ่วในไต คืออะไร ?

นิ่วในไต ภาษาอังกฤษคือ Kidney Stone / Renal calculi เป็นก้อนผลึกขนาดเล็ก ประกอบด้วยหินปูน (แคลเซียม) กับสารเคมีอื่น ๆ เช่น ออกซาเลต เป็นต้น หรือบางรายอาจจะมีขนาดใหญ่ที่เกิดจากสารตกค้างต่าง ๆ ทั้งจากสารอาหารที่เรากินเข้าไป หรือกรดบางชนิดที่ร่างกายขับออกไม่หมด เช่น กรดยูริก โดยเจ้าก้อนนิ่วนี้ไม่ได้สร้างแค่ความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียว แต่ยังไปเพิ่มอัตราเสี่ยงในการเป็นโรคไตอีกด้วย

        ทั้งนี้ นิ่วในไต พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่จะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง และพบมากในช่วงอายุ 30-40 ปี ซึ่งนิ่วอาจมีเพียงก้อนเดียวหรือหลายก้อนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่พบในไตเพียงข้างเดียว และมีขนาดต่างๆ กัน

 

นิ่วในไต อันตรายไหม ?

หากเป็นก้อนนิ่วขนาดเล็กสามารถหลุดออกมากับปัสสาวะได้จะไม่มีอันตราย แต่ถ้านิ่วมีขนาดใหญ่เกิดการอักเสบติดเชื้ออาจทำให้เป็นโรคไตได้ หรือไปอุดกั้นทางเดินปัสสาวะก็เป็นอันตรายได้เช่นกัน

 

นี่ล่ะปัจจัยเสี่ยงนิ่วในไต สาเหตุเกิดจากอะไร ?

อย่างที่บอกไปแล้วว่านิ่วในไตเกิดได้จากสารตกค้างต่าง ๆ เช่น อาหารที่เราทานเข้าไปแล้วร่างกายขับออกไม่หมด โดยเฉพาะแคลเซียมที่พบว่าทำให้เกิดนิ่วได้มากที่สุด ซึ่งข้อมูลจากเว็บไซต์ Health.com ระบุว่า มีหลายปัจจัยยเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต ทั้งเรื่องอาหารและเรื่องอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ดังนี้

 

  • เป็นนิ่วได้นะ หากรับประทานผักมากไป

ผักมีประโยชน์สำหรับร่างกายก็จริง แต่ผักบางชนิดอย่างเช่น ผักใบเขียว กะหล่ำ บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง มะเขือเทศ หัวบีท ถั่วแดง ถั่วเหลือง มะเขือ แครอท ชะพลู ผักโขม ผักเสม็ด ผักกระโดน ฯลฯ รับประทานมากเกินไปก็ทำให้เกิดผลเสียได้เหมือนกัน เพราะในผักเหล่านี้มีสารออกซาเลตสูง และการที่มีสารเหล่านี้มากเกินไปก็จะไปตกค้างจนกลายเป็นนิ่วนั่นเอง

 

  • รับประทานเนื้อมากไป ก็อันตราย

เมื่อปี 2014 มีวารสารเปิดเผยว่า ผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติและปลา มีอัตราการเกิดนิ่วในไตน้อยกว่าผู้ที่รับประทานเนื้อแดงเป็นประจำ 30-50% เลยทีเดียวเชียว นั่นก็เป็นเพราะว่า ในการย่อยโปรตีนปริมาณที่มากเกินไปจะก่อให้เกิดการสร้างตัวของกรดยูริกและเข้าไปสะสมอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ เมื่อกรดยูริกมีมากเข้าก็จะจับตัวกลายเป็นก้อนแข็งที่เราเรียกว่านิ่วนั่นเอง แต่ถ้าหากคุณเลิกรับประทานเนื้อไม่ได้ ก็ควรจะรับประทานผักเพื่อเสริมแมกนีเซียมจะช่วยลดการก่อตัวของก้อนนิ่วได้

 

  • อาหารรสเค็มไม่ได้ทำให้เป็นโรคไตอย่างเดียว เป็นนิ่วได้เหมือนกัน

เรามักจะคิดว่าการรับประทานอาหารที่มีรสเค็มจะส่งผลต่อไตและความดันโลหิต แต่จริง ๆ แล้ว ก็เป็นสาเหตุให้เกิดนิ่วในไตได้เช่นกัน เพราะปริมาณโซเดียมที่มากเกินไป จะทำให้เกิดการก่อตัวขึ้นของแคลเซียมในกระเพาะปัสสาวะ และแคลเซียมที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะก็จะตกผลึกก่อตัวเป็นก้อนนิ่วในไตได้ ซึ่งปริมาณของโซเดียมทีเหมาะสมต่อร่างกายคือไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ถ้าหากเป็นผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูงควรจะรับประทานให้น้อยกว่าวันละ 1,500 มิลลิกรัมจะดีที่สุด

 

  • สารก่อนิ่วอยู่ในชาเย็น หากเป็นประจำ

การดื่มชาดำเย็นมาก ๆ เป็นสาเหตุให้เกิดอาการไตวายเฉียบพลันได้ เนื่องจากในชาดำมีสารออกซาเลตเป็นจำนวนมาก การดื่มชาดำเป็นประจำจะทำให้สารออกซาเลตตกค้างอยู่ในร่างกายและก่อให้เกิดนิ่วในไตได้ ยิ่งถ้าหากคุณมีประวัติว่าเคยเป็นนิ่วมาก่อน ควรจะเลี่ยงให้ไกล หรือไม่ก็ปรึกษาแพทย์ก่อนดีกว่า กันไว้ดีกว่าแก้

 

  • น้ำอัดลม เครื่องดื่มตัวร้าย

หลายคนเวลาที่รู้สึกกระหายน้ำก็มักจะคว้าเอาน้ำอัดลมมาดื่มเพื่อให้รู้สึกสด ชื่นโดยลืมนึกไปว่าน้ำอัดลมนี้เป็นจอมวายร้ายทำลายสุขภาพ ไม่เพียงแต่ทำให้เสี่ยงโรคเบาหวาน หรือโรคอ้วนเท่านั้น แต่ยังทำให้เสี่ยงเกิดนิ่วในไตด้วย การดื่มน้ำอัดลมเพียงวันละ 1 กระป๋องก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงที่นิ่วจะก่อตัวขึ้นได้มากถึง 23% สาเหตุก็มาจากน้ำตาลฟรุกโตสในน้ำอัดลมนั่นล่ะค่ะ คราวหน้าถ้าอยากสดชื่น หันมาดื่มน้ำเปล่าแทนดีกว่า

 

  • รู้ไหมว่า นิ่วเกิดจากกรรมพันธุ์ด้วย

นิ่วก็เกิดจากกรรมพันธุ์เช่นเดียวกับโรคอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน หรือโรคเบาหวาน นั่นก็เป็นเพราะว่าโรคนิ่วนั้นมีสาเหตุเกิดจากความผิดปกติของยีนที่เกี่ยวข้องกับการย่อยโปรตีน ทำให้เกิดกรดยูริกตกค้างในร่างกาย และอาจเกิดได้จากความบกพร่องของยีนที่ทำงานสัมพันธ์กับการดูดซึมสารออกซาเลตในร่างกาย ดังนั้นหากครอบครัวของคุณมีใครเคยเป็นนิ่วในไต ก็ควรระมัดระวังตัวให้มากขึ้น

 

  • เกิดการเสียสมดุลจากการใช้ยาระบายมากเกินไป

การเสียสมดุลของเกลือแร่และในร่างกายอันเนื่องมาจากการใช้ยาระบายบ่อยเกินไป เป็นผลเสียที่ก่อให้เกิดอาการที่อันตรายกว่านั้น นั่นก็คือโรคนิ่วในไต เพราะเมื่อร่างกายเกิดการขับถ่ายบ่อย ๆ กว่าปกติ ร่างกายก็จะขับเอาเกลือแร่และน้ำออกจากร่างกาย ส่งผลให้การขจัดของเสียต่าง ๆ ในร่างกายออกทางปัสสาวะเกิดความผิดปกติ เมื่อของเสียสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไปก็จะทำให้ของเสียเหล่านั้นจับตัวกันเป็นก้อนนิ่ว ดังนั้นควรเลิกใช้ยาระบาย หันมารับประทานผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์แทนกันเถอะ

 

  • อีกปัจจัยเสี่ยงของนิ่วในไต คือ “โรคอ้วน”

ผู้หญิงที่เป็นโรคอ้วนมีอัตราเสี่ยงในการเป็นโรคนิ่วสูงกว่าคนที่มีน้ำหนักปกติถึง 35% นั่นก็เป็นเพราะว่าผู้หญิงที่เป็นโรคอ้วนจะมีระดับกรด-ด่างในปัสสาวะสูงกว่าคนปกติ ก่อให้เกิดการสร้างตัวของกรดยูริกที่มากกว่าปกติ และตกค้างกลายเป็นนิ่วในที่สุด

 

อาหารอะไรต้องระวัง นิ่วในไต!!

  • อาหารที่มีสารออกซาเลตสูง - ช็อกโกแลต โกโก้ น้ำชา มันเทศ หน่อไม้ ใบชะพลู ผักโขม ผักเสม็ด ผักกระโดน กะหล่ำ บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง มะเขือเทศ หัวบีท ถั่วแดง ถั่วเหลือง มะเขือ แครอท งา มะเฟือง ฯลฯ
  • อาหารที่มีกรดยูริกสูง - เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ถั่ว สาหร่าย หน่อไม้ ฯลฯ
  • อาหารรสเค็ม
  • ผู้ที่เป็นนิ่วชนิดกรดยูริกควรลดอาหารที่ให้สารพิวรีนสูง - เครื่องในสัตว์ปีก เบียร์ ถั่ว
  • ลดอาหารประเภทโปรตีน เพราะจะไปเพิ่มการขับเกลือ แคลเซียม ยูริก และออกซาเลต
  • เลี่ยงการดื่มชา น้ำอัดลม

      ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานวิตามินเสริมและอาหารเสริมต่าง ๆ

 

นิ่วในไตจะมีอาการเป็นอย่างไร และปวดเตือนบริเวณไหน ?

เมื่อเป็นนิ่วในไตจะรู้สึกปวดเอวหรือปวดหลังข้างที่เป็นนิ่ว จะปวดแบบเสียด ๆ หรือปวดบิดเกร็งเป็นพัก ๆ คล้ายปวดท้องประจำเดือน อาจปวดนานเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ ลักษณะเฉพาะของโรคนี้คือจะมีอาการปวดร้าวไปที่อัณฑะหรือช่องคลอดข้างเดียวกัน อาจมีอากาคลื่นไส้อาเจียน ร่วมกับปวดท้อง ปวดหลัง ใจหวิว ใจสั่น

ถ้าก้อนนิ่วมีขนาดเล็กอาจตกลงมาที่ท่อไตได้ ทำให้เกิดอาการปวดบิดในท้องรุนแรง อาการปวดท้องอาจทุเลาได้เอง แต่ก็อาจกำเริบเป็นช่วง ๆ ตราบเท่าที่ก้อนนิ่วยังไม่หลุดออกมา

ปัสสาวะอาจมีสีขุ่นแดง หรือมีเม็ดทราย หรือถ้าติดเชื้อรุนแรงก็อาจเป็นหนอง และอาจมีนิ่วก้อนเล็ก ๆ หลุดออกมากับปัสสาวะภายใน 1-2 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม หากปล่อยนิ่วในไตไว้นาน ๆ อาจเกิดอาการแทรกซ้อนทำให้เป็นไตวายเรื้อรังได้

ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง อย่ากลั้นปัสสาวะ ควรปัสสาวะออกมาให้มากกว่าวันละ 2.5 ลิตร เพื่อป้องกันการตกตะกอนของสารต่าง ๆ และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดินจะช่วยให้ก้อนนิ่วขนาดเล็กหลุดได้

 

          ทราบปัจจัยเสี่ยงและอาการของนิ่วในไตแล้ว ก็อย่าปล่อยผ่านไป นำไปใช้ให้เป็นประโยชน์โดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและดูแลตัวเองให้ดีมากยิ่งขึ้น

 

ปรึกษาด้านโภชนาการกับ MW Wellness ปรึกษา ฟรี!

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Line: @mw-wellness

Tel: 096-081-2533, 02-276-5093


NEWS

สมัครรับข่าวสารต่างๆ

phone line chat_facebook