1. เสริมโอเมก้า-3
จากน้ำมันปลาทุกวัน (Omega-3) หรือเลือกกินปลาทะเลน้ำลึกให้ได้ประมาณสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน
ควรกินน้ำมันปลาอย่างระวัง เพราะการกินน้ำมันปลามากเกินไปมีความเสี่ยงทำให้ลิ่มเลือดไม่แข็งตัว หรือเลือดจะไม่หยุดไหล เพราะฉะนั้นคนไข้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดจำเป็นต้องดการกินน้ำมันปลาอย่างน้อย 7 วัน และต้องมีใบสั่งจากแทพย์เท่านั้น
2. เพิ่มสังกะสี (Zinc)
เป็นโคเอนไซม์ที่ดี ธาตุสังกะสีสามารถช่วยลดน้ำตาลส่วนเกิน แต่สังกะสีจะทำงานได้ดีถ้ากินร่วมกับวิตามินเอ แคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งต้องใช้ไขมันในการดูดซึม
3. วิตามินบีและวิตามินซี
ช่วยสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ควรกินเสริมวันละ 1,000 มิลลิกรัม แถมวิตามินซียังช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น
4. เสริมโครเมียม (Chromium)
ช่วยให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินออกมามากขึ้น ช่วยในการเผาผลาญน้ำตาล และนำพาโปรตีนไปยังส่วนต่างๆ ที่ร่างกายต้องการ
การขาดธาตุโครเมียมนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคผนังเส้นเลือดแข็งตัวและโรคเบาหวานได้ อาหารที่พบโครเมียม คือ จมูกข้าวสาลีและยีสต์
5. กรด ALA (Alpha Lipoic Acid)
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เพราะเป็นกรดไขมันดีที่ช่วยการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต และให้พลังงานกับอวัยวะต่างๆ
6. เพิ่มแมกนีเซียม (Magnesium)
ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมความดันโลหิต และมีส่วนในกระบวนการเผาผลาญพลังงานและสร้างโปรตีนอีกด้วยอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง คือ ผักใบเขียว เช่น ผักโขม คะน้า ถั่ว และธัญพืชที่ไม่แปรรูป
7. ออกกำลังกายเป็นประจำ
โดยทั่วไป ควรออกกำลังกายเป็นประจำ สัปดาห์ละ 150 นาทีเป็นมาตรฐาน
MW-Wellness
205 29-30 ถ. รัชดาภิเษก แขวงดินแดง
เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
02-276-5093, 02-276-5076
clinic.mw@gmail.com
Opening Hours :
Mon - Sun 10:00 - 19:00Mon - Sun 10:00 - 19:00
Social Media :