สำหรับใครที่เป็นสายเอ็นจอยกับการกิน กินอาหารไม่เลือก ชอบกินอาหารจุกจิก ต้องระวังโรคร้ายที่ตามมาไว้ให้ดี เพราะไม่ใช่แค่เสี่ยงเป็นโรคอ้วน แต่ยังเสี่ยงต่อการมีภาวะ ไขมันพอกตับ ได้อีกด้วย
ไขมันพอกตับ คืออะไร?
ภาวะไขมันพอกตับ ( Fatty Liver ) คือ ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถนำไขมันที่รับประทานไปใช้งานได้หมด ไขมันในส่วนที่เหลือจึงเกิดการสะสมไขมันในรูปของไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ในตับ ทำให้ตับแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ส่งผลต่อการทำงานของตับ หากไม่ทำการรักษาจะทำให้กลายเป็นตับแข็งและอาจเป็นมะเร็งตับตามมาได้ พบได้ทุกช่วงอายุ และพบมากในอายุ 40-50 ปีขึ้นไป เพราะอัตราการเผาผลาญอาหารเริ่มลดลง
สาเหตุของการเกิด ไขมันพอกตับ
– การรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูงเป็นประจำ อย่างอาหารประเภท แป้ง น้ำตาล ไขมัน และโดยเฉพาะขนมหวานชนิดต่าง ๆ ที่มีแป้ง น้ำตาล และไขมันสูง
– มีภาวะอ้วนลงพุง มีน้ำหนักตัวมากกว่าเกณฑ์มาตราฐาน
– เป็นโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไวรัสตับอักเสบ เป็นต้น ซึ่งอาจเกิด ไขมันพอกตับ เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเหล่านี้ได้
– การใช้ยาบางชนิดที่มีผลต่อตับ เช่น ยาปฏิชีวนะบางชนิด ยาต้านไวรัสบางชนิด ยากลุ่มสเตียรอยด์ ยากลุ่มต้านฮอร์โมน เป็นต้น
ผู้ที่มีภาวะไขมันพอกตับจาก ปัจจัยเหล่านี้ ที่ไม่ได้เกิดจากเครื่องดื่มแอลกฮอล์ เรียกว่า จะเรียกว่า ” Non-Alcohol Fatty Liver ”
อาการเมื่อเริ่มมีภาวะ ไขมันพอกตับ
โดยส่วนใหญ่ภาวะนี้ไม่ค่อยแสดงอาการ ผู้ป่วยอาจรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย แต่ไม่รู้ว่าเป็นโรคนี้ จึงถือได้ว่าเป็น “ภัยเงียบ” ก็ว่าได้ ผู้ป่วยจะรู้ว่าเป็น ไขมันพอกตับ ก็ต่อเมื่อได้รับการวินิจฉัย เช่น จากการตรวจดูเอนไซม์ของตับ การตรวจภาพตับด้วยการอัลตราซาวด์ การตัดชิ้นเนื้อจากตับในทางพยาธิวิทยา การตรวจ MRI เป็นต้น
ระยะของไขมันพอกตับ
ระยะของการดำเนินของภาวะไขมันพอกตับ แบ่งได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้
แนวทางการรักษา
– ลดการรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูงในประเภท แป้ง น้ำตาล และไขมัน
– แก้ไขต้นเหตุของความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไวรัสตับอักเสบ เป็นต้น เพื่อป้องกันการเกิดภาวะพอกตับที่แทรกซ้อนจากโรคเหล่านี้ได้
– ลดน้ำหนัก โดยการควบคุมอาหารอย่างจริงจัง รวมไปถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
– งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์
– หลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่มีผลต่อตับสูง ที่นอกเหนือจากแพทย์สั่ง
– ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ
ตับ ถือได้ว่าเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายของเรา ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ดูแลการเผาผลาญอาหาร สร้างน้ำดี เพื่อ ย่อยสลายไขมัน กรองเลือด หรือหลั่งเอ็นไซม์ในการย่อย และดูดซึมสารอาหาร รวมถึง การกำจัดสารพิษ เพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย เราควรดูแลตับ โดยการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะนำไปสู่ความเสี่ยงต่อภาวะไขมันพอกตับ โดยเฉพาะ พฤติกรรมในการกินอาหารประเภทแป้ง ไขมัน น้ำตาล และเครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดไขมันพอกตับได้สูง
อ่านบทความเพิ่มเติม
MW-Wellness
205 29-30 ถ. รัชดาภิเษก แขวงดินแดง
เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
02-276-5093, 02-276-5076
clinic.mw@gmail.com
Opening Hours :
Mon - Sun 10:00 - 19:00Mon - Sun 10:00 - 19:00
Social Media :