MWWellness คุณกำลังมีอาการ ปวดหลัง หรือไม่ มาดูกันว่า ปวดแบบไหนถึงอันตราย

ศูนย์ดูแลสุขภาพ และล้างพิษครบวงจร คุณกำลังมีอาการ ปวดหลัง หรือไม่ มาดูกันว่า ปวดแบบไหนถึงอันตราย

MWWellness อย่าว่าแต่ในวัยทำงานเลย ในวัยรุ่นทั่ว ๆ ไป ใคร ๆ ต่างก็ ปวดหลัง เอาล่ะ มาดูกันว่า คุณกำลังมีอาการ ปวดหลัง หรือไม่ มาดูกันว่า ปวดแบบไหนถึงอันตราย พร้อมการดูแล

คุณกำลังมีอาการ ปวดหลัง หรือไม่ มาดูกันว่า ปวดแบบไหนถึงอันตราย

คุณกำลังมีอาการ ปวดหลัง หรือไม่ มาดูกันว่า ปวดแบบไหนถึงอันตราย


อย่าว่าแต่ในวัยทำงานเลย ในวัยรุ่นทั่ว ๆ ไป ใคร ๆ ต่างก็ ปวดหลัง เอาล่ะ มาดูกันว่า คุณกำลังมีอาการ ปวดหลัง หรือไม่ มาดูกันว่า ปวดแบบไหนถึงอันตราย พร้อมการดูแล

 

 

 

 

ก่อนอื่น มาดูว่า อาการปวดหลัง สาเหตุเกิดจากอะไร ?

ซึ่งสาเหตุของอาการปวดหลัง นั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ อย่างเช่น การบาดเจ็บจากการใช้งาน, การเล่นกีฬา หรือว่า การใช้งานในท่าทาง ที่ผิดสุขลักษณะ ความเสื่อม ที่เกิดได้เนื่องจากวัย การเกิดอุบัติเหตุ การติดเชื้อ หรือมะเร็ง ที่แพร่กระจายมายังกระดูกสันหลัง แต่ทั้งนี้ ก็สามารถเกิดขึ้นกับโครงสร้าง ของ กระดูกสันหลังได้หลาย ๆ ส่วน อาทิ ข้อกระดูกสันหลัง, หมอนรองกระดูกสันหลัง, กล้ามเนื้อ หรือ เส้นเอ็น นอกจากนี้ ก็ยังมีสาเหตุนอกกระดูกสันหลัง ที่จะทำให้มีอาการปวดหลังได้เช่น โรคเส้นเลือดโป่งพอง ภายในช่องท้องตับอ่อนอักเสบ กรวยไตอักเสบ เป็นต้นค่ะ

 

มีปัจจัยอะไรบ้าง ที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง?

สำหรับ ปัจจัยสำคัญเลย ที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง นั่นคือ การใช้งานในท่าทาง และปริมาณไม่เหมาะสมกับความแข็งแรงของโครงสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อเนื่อง เรื้อรัง นอกจากนี้ ความเสื่อมของข้อต่อจากวัย การมีโครงสร้างผิดรูป รวมทั้งหลังค่อมและคด ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรังได้เช่นกัน

 

เราจะมีวิธีการตรวจวินิจฉัย ของ อาการปวดหลังได้อย่างไรบ้าง? โดยวิธีการตรวจวินิจฉัย ของ อาการปวดหลังมีอยู่ 4 ขั้นตอน อันได้แก่

1. แพทย์จะทำการซักประวัติ เกี่ยวกับข้อมูล ที่มีความเกี่ยวข้อง อย่างเช่น ตำแหน่งที่มีอาการปวด, ลักษณะการปวด รวมทั้ง ปัจจัยที่ทำให้อาการดีขึ้น หรือว่า แย่ลง โรคประจำตัว เป็นต้น

2. แพทย์ทำการตรวจร่างกาย เพื่อจะทำการประเมินตำแหน่ง และหาสาเหตุของการปวด รวมถึง การตรวจทางระบบประสาท ที่มีความเกี่ยวข้อง

3. แพทย์ทำการส่งตรวจทางรังสีวิทยา อาทิ การเอกเรย์กระดูกสันหลัง เอกเรย์คอมพิวเตอร์ หรือว่า การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ กระดูกสันหลัง

4. ในผู้ป่วยบางกลุ่ม ที่ไม่อาจค้นหาหาตำแหน่ง ของ อาการปวดหลัง ที่ชัดเจนได้ อาจจะต้องพิจารณาส่งตัว เพื่อไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านระงับปวดหลัง เพื่อทำการฉีดยาชา เพื่อทำการประเมินตำแหน่งอาการปวดให้ละเอียดมากขึ้น

 

แนวทาง และ การรักษา อาการปวดหลัง มีกี่วิธี ?

สำหรับ การรักษาแบ่งออก เป็น 3 วิธีใหญ่ โดยได้แก่ การรักษาโดยการไม่ผ่าตัด หรือว่า อนุรักษ์นิยมประกอบไปด้วย อย่างเช่น การใช้ยารับประทาน หรือ การทานวดเพื่อลดอาการปวด การทำกายภาพบำบัด การใช้ที่พยุงหลัง รวมถึง การออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อหลัง เกิดความแข็งแรง ร่วมกับการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงาน  ต่อมาจะเป็นวิธีการรักษาด้วยหัตถการระงับปวด เช่น การฉีดยาลดการอักเสบหรือ steroid เฉพาะที่ เพื่อเข้าไปในบริเวณที่มีการอักเสบเรื้อรังหรือรอบเส้นประสาทที่มีการกดทับ อักเสบ นอกจากนี้ ก็ยังมีการใช้ลวดคลื่นความถี่สูง (Radio Frequent  abrasion, RFA) จี้ไปบริเวณเส้นประสาท ที่เลี้ยงข้อต่อที่มีอาการอักเสบ เพื่อช่วยลดอาการปวด และวิธีสุดท้าย ก็คือ การผ่าตัดเพื่อลดการกดทับเส้นประสาท ซึ่งอาจจะทำร่วมกับการเชื่อมกระดูกสันหลัง และ ใส่โลหะดามยึด ในกรณีที่ผู้ป่วย นั้นอาการปวดไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น

 

อาการปวดหลัง แบบไหน ถึงจำเป็นจะต้องผ่าตัด ?

ข้อบ่งชี้ของการผ่าตัด ได้แก่ ผู้ป่วยที่ยังมีอาการปวดหลังไม่ลดลงหรือมีแนวโน้มเพิ่มขื้นแม้ว่าจะได้รับการรักษาด้วยวิธีอนุรักษ์นิยมอย่างต่อเนื่องจนกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน หรือ ผู้ป่วยมีอาการทางระบบประสาทที่เกิดจากการกดทับ เช่น ปวดร้าวไปตามแนวเส้นประสาท ชา อ่อนล้า อ่อนแรง หรือ กลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่อยู่

 

 

ปวดหลังแบบไหน ที่เกิด ความอันตราย ?

โดยลักษณะของอาการร่วมกับปวดหลังที่อาจสัมพันธ์กับสาเหตุการปวดที่รุนแรงเช่น การติดเชื้อ  เนื้องอก หรือ การบาดเจ็บของกระดูกสันหลังที่ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมได้แก่

● อาการปวดชาร้าวลงขา หรือร่วมกับอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อขา

● ชารอบทวารหนัก กลั้นอุจจาระปัสสาวะได้ลดลง เมื่อไอจามมีปัสสาวะเล็ด

● อาการปวดหลังรุนแรงไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้นจากยาและกายภาพบำบัด

● ปวดหลังรุนแรงจนต้องตื่นเมื่อหลับสนิท

● อาการปวดหลังไม่ทุเลาแม้ว่าจะนอนพักนิ่ง ๆ แล้วก็ตาม

● น้ำหนักลดลง มีไข้

● มีประวัติโรคประจำตัวหรือใช้ยาบางชนิดเช่น ยากดภูมิคุ้มกัน ยาเสตียรอยด์เป็นเวลานาน

● มีความผิดรูปของกระดูกสันหลัง เช่น หลังค่อมหรือคดมากขึ้น

 

เราจะมีวิธีป้องกันรักษา อาการปวดหลัง ได้อย่างไรบ้าง ?

วิธีป้องกันอาการปวดหลัง เราขอแนะนำว่า เรียนรู้วิธี ในการออกกำลังกาย โดยเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อหลัง ให้ถูกต้อง และ ควรปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อหลัง อย่างเช่น การยกของหนัก และ ควรงดสูบบุหรี่ เนื่องจากพบว่า บุหรี่ นั้นทำให้ หมอนรองกระดูก เกิดความเสื่อมได้อย่างรวดเร็ว นั่นเองค่ะ

 

ซึ่ง หากคุณมี อาการปวดหลัง หรือปวดเรื้อรังมานานแล้ว แต่ไม่ดีขึ้น ขอแนะนำเลย่า ควรรีบมาตรวจ เพื่อทำการวินิจฉัย หาสาเหตุ และทำการรักษาได้อย่างถูกวิธีค่ะ

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

รู้ทัน ป้องกันไว้ไม่ให้ หัวใจขาดเลือด

ข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจ ดีท็อกซ์ลำไส้ เพื่อขจัดสารพิษ ในร่างกาย


NEWS

สมัครรับข่าวสารต่างๆ

phone line chat_facebook